รถมีอาการเดินเบาสั่น เร่งไม่ขึ้นทั้งแก๊สและน้ำมัน

หากรถคุณมีอาการรอบเดินเบาสั่นและรถเร่งไม่มีกำลังทั้งแก็สและน้ำมันให้ตั้งข้อสงสัยได้ว่าอาจมีปัญหาที่ วาล์วยัน, ทรุด หรือ วาล์วรั่ว และวิธีที่จะตรวจสอบว่าวาล์วสูบไหนเป็นมากหรือน้อย เราจะใช้เครื่องวัดกำลังอัดลูกสูบ ทั้ง 4 สูบ แล้วนำมาเทียบค่ากับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อเช็คว่าค่าที่เป็นมาตรฐานจากโรงงานที่ผลิตรถนั้นเป็นเท่าไร  และนำค่าที่ตรวจเช็คได้มาเทียบ ซึ่งจะทำให้คุณได้รู้ไปพร้อมกับเราว่าวาล์วของคุณมีอาการเสียมาก หรือน้อยอย่างไร หากค่าที่ได้ ไม่ต่างกันมากก็แค่ทำการปรับตั้งวาล์ว ให้อยู่ในค่าปกติเพื่อป้องกันไม่ให้บ่าววาล์วทรุดหนักมากขึ้น  เมื่อ ตั้งวาล์วแล้วอาการของรถที่สั่น และไม่มีแรงจะหมดไปการตรวจเช็คระบบกำลังอัดในกระบอกสูบ ควรทำทุกๆ 40,000 กม. ตั้งวาล์วทุกๆ 40,000-50,000 กม. หรือทุก 12 เดือน

 

เครื่องวัดกำลังอัด

หัวเทียนไม่ตรงกับคุณสมบัติ

หัวเทียนที่มีอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปนั้นทั้งหมดเป็นหัวเทียนที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ สำหรับรถใช้น้ำมัน แต่ หัวเทียนที่ออกแบบมาสำหรับ LPG/NGV นั้นจะมีการผลิดให้ทนกับความร้อน และสภาพที่เครื่องยนต์มีความร้อน โหลดสูง ซึ่งผลิ่ตให้ใช้กำลังในการจุดระเบิด น้อยกว่า ที่สำคัญมันเป็นจุดระเบิดจากด้านข้างจุดวาบไฟของแก๊สนั้นช้า กว่าน้ำมัน หัวเทียน 2 เขี้ยว ทำให้ได้ประกายไฟ 2 ทางทำให้เผาไหม้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อการ จุดระเบิดดีขึ้น แรงบิดเพิ่มขึ้น จึงทำให้อัตราเร่งดีขึ้นด้วยและที่สำคัญมันช่วยแก้อาการที่หัวเทียนเสื่อมคุณภาพเร็ว ขึ้นด้วย  มีการสถาบันวิจัยต่างที่สำคัญมันช่วยในการลดมลพิษเพราะเมื่อ คุณใช้แก๊ส อุณหภูมิในห้องเผาไหม้  จะอยู่ที่ประมาณ 480 องศา ไม่ใช่ 280 องศา เหมือนตอนเป็นน้ำมัน ดังนั้นหัวเทียนตัวนี้ จึงใช้งานได้ยาวนานกว่า หัวเทียนธรรมดาและมันถูกผลิต ขึ้นมาจาก ประเทศโปแลนด์ ประเทศที่ผลิตชุดแก็สที่ม ีชื่อเสียงหลายยี่ห้อ และ มันถูกผลิตขึ้นมา เพื่อใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ และในเวลานี้ หงษ์ทอง ออโต้แก๊ส ได้ติดต่อที่โปแลนด์ และได้เป็น ตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ควรตรวจเช็คทุก 30,000 กิโล

รูปหัวเทียน LPG/NGV

หากรถคุณมีอาการสตารท์ติดยากหรือวิ่งน้ำมันไม่ดี


 

มีอยู่ 2 สาเหตุใหญ่ คือ 1 น้ำมันในถังคุณเป็นแก๊สโซฮอล์อยู่หรือไม่ และมีระยะเวลาที่ค้างถังเกิน สองอาทิตย์ จะทำให้น้ำมันในถังเสื่อมคุณภาพ เนื่องจากส่วนผสมของ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ นั้นจะผสมระหว่าง น้ำมันเบนซิน 90 % กับแอสกอฮอล์ 10 % แต่ส่วนผสมของแอลกอฮอล์ นั้นจะมีแอลกอฮอล์ 98 % และ น้ำ 2 % เมื่อคุณเติมน้ำมันค้างที่ถังไว้เป็นเวลานานแล้วยังใช้ไม่หมดจะทำให้ส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ระเหย ไปก่อน เหลื่อแต่ส่วนผสมที่เป็นน้ำผสมกับน้ำมันเบนซิน จึงทำให้น้ำมันเสื่อมคุณภาพ วิธีแก้ขั้นต้นให้ลองเปลี่ยน เ็ป็นน้ำมันเบนซิล 91 ที่ไม่ใช่แก๊สโซฮอล์ อาการอาจดีขึ้น หรือถ้ายังไม่ดีขึ้น ให้เข้ามาที่ หงษ์ทอง ออโต้แก๊ส  เราจะใช้อุปกรณ์วัดแรงดันน้ำมัน แล้วเปิดข้อมูลของแรงดันน้ำมันในรถแต่ละรุ่นดูในคอม  เพื่อเช็คว่าแรงดันน้ำมัน  นั้นต่ำกว่าค่าที่ผู้ผลิตรถต่างๆ กำหนดมาหรือไม่ จึงทำให้สามารถเปลียนปั๋มติ๊กน้ำมัน หากแรงดันไม่พอ ซึ่งเป็น สาเหตุของการสตารท์ยากควรตรวจเช็คเมื่อมีอาการ

เครื่องวัดแรงดันน้ำมัน



การตัดปั้มติ๊กน้ำมัน

อันนี้แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ผมจะนำเสนอข้อดีและข้อเสียของแต่ละอันก่อน ข้อดีของการตัดปั้มติ๊ก คือ เมื่อรถใช้เชื้อเพลิงระบบแก๊สอยู่น้ำมันจะไม่ผ่านจากถังน้ำมัน ออกมาเนื่องจากหยุดการทำงาน ของปั้มติ๊กน้ำมัน  และ เมื่อเกิดกรณีที่สายน้ำมันรั่วนั้นคุณ ยังสามารถเลือกใช้แก๊ส และยังขับรถมาที่อู่ได้ โดยที่น้ำมันไม่พุ่งออกมา จากถัง และยัง สามารถยืดอายุการทำงานของปั้มติกน้ำมันออกไปได้อีก แต่ข้อเสีย นั้นคือ การที่ตัดปั๋มติ๊ก นั้นจะทำ ให้ไม่มีน้ำมันเข้าไปหล่อเลี้ยงที่หัวฉีดน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ยางโอริงหัวฉีดน้ำมันในรถ บางรุ่นมีอาการเสื่อมกว่าที่ ไม่มีน้ำมัน มาเลี้ยง              การตัดปั้มติ๊กน้ำมันจะทำให้การสตาร์ทครั้งแรกนั้นยากกว่าเพราะไม่มีน้ำมันค้างสาย และ อีกข้อเสียหนึ่ง คือ ในหัวฉีดยี่ห้อ AG กับ VERSUS นั้น การตัดปั๋มติ๊กจะทำให้รถมีอาการ กระตุก เมื่อเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแก๊ส แต่ที่ร้าน มีอุปกรณ์ชนิดพิเศษในการตัดปั้มติ๊กเพื่อแก้ อาการกระตุกนี้ ดังนั้นการตัดปั้มติ๊กจึงเป็นเหตุผลที่เจ้าของรถ  นั้นจะ เลือกว่าจะตัดหรือไม่ตัด

 

หากรถคุณมีอาการแบลค์ฟลาย์  หรือเบาดับ
(เสียงระเบิดที่ปลายท่อ หรือ กรองอากาศ)

การเช็คเบื้องต้นนั้น จะต้องเช็คใน 5 จุด คือ         1. จูนแก๊สบาง         2. สายหัวเทียนเสื่อมหรือรั่ว (ไฟมาไม่เต็มที่)         3. หัวเทียนเสื่อม หรือหัวเทียนไม่ตรงเบอร์         4. หม้อต้มเสื่อมคุณภาพ (แรงดันไม่คงที่)         5. คอยล์จุดระเบิด แต่เนื่องจากคอยล์จุดระเบิด และสายหัวเทียน นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาแพง เราจึงไล่จากอาการ จากเล็กไปใหญ่ คือ การจูนแก๊สให้ได้ค่าที่เหมาะสม เรามีอุปกรณ์ที่ตรวจเช็คอัตราส่วนผสม กับอากาศ AF/METTER ไว้บริการฟรี และ หลายๆ ท่านคงเคยได้ใช้บริการนี้แล้ว เราจะจูนแก๊ส  โดยเทียบค่าน้ำมันเป็นหลัก  โดยที่ค่าที่สมบูรณ์ที่สุดของน้ำมัน คือ อัตราส่วนผสม อากาศ 1 ส่วนต่อ น้ำมัน 15.5 ส่วน แต่เมื่อเป็นแก็สแล้ว  อัตราส่วนผสมที่สมบูรณ์จะอยู่ประมาณ 14.7-15.5 ซึ่งเป็นค่าที่รถใช้แก็สเผาไหม้สมบูรณ์ ไม่เหลือกลิ่นแก็สทิ้งที่ปลายท่อไอเสีย นั้นหมายถึง อัตรามลพิษ ไอเสียต่ำดีต่อสิ่งแวดล้อมม และความประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์ ของท่านด้วยตรวจเช็ค ได้บ่อยยิ่งดีครับ และเรา จะทำการตรวจเช็คให้กับลูกค้าที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกครั้ง

เครื่องวัดส่วนผสมอากาศ/เชื้อเพลิง (AF/Ratio)

รอบเดินเบาตอนเป็นแก๊สสั่นและรอบตกไม่นิ่ง

หากรถคุณมีอาการ พอเบิ้ลเครื่องแล้วรอบตกลงมาต่ำกว่า 800 รอบ และรอบแกว่งไม่นิ่ง เมื่อใช้แก็ส จะมีอาการแกว่งมากกว่าน้ำมัน  อาจสันนิษฐานได้ว่าปีกผีเสื้อและมอเตอร์เดินเบาสกปรกการล้างปีกผีเสื้อสำหรับรถใช้ แก็สนั้นจะต้องมีเทคนิคและความประณีตในการล้างมากกว่าปรกติ  โดยที่จะต้องล้างตระกลั่นที่เกาะตามมอเตอร์ รอบเดินเบาให้เกลี้ยง   มิฉะนั้นแล้วจะไม่มีประโยชน์ในการล้างเลย มีการล้างอยู่ 2 วิธี คือถอดออกมาล้าง  หรือล้าง โดยใช้สเปรย์ล้างปีกผีเสื่อ ซึ่งจะทำให้ประหยัดเวลาอาการสั่นนี้จะเห็นมากขึ้นตอนที่เปิดแอร์ และมีโหลด ควรตรวจ เช็คทุก 30,000 กิโล              กินแก๊ส เร่งไม่ขึ้น เหมือนตอนติดใหม่              เป็นอุปกรณ์ที่ดักจับเศษฝุ่นและสนิมที่ปะปนมาในถังแก๊สก่อนเข้าหม้อต้มและรางหัวฉีด สามารถถอดเปลี่ยน ได้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อต้มและหัวฉีด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ ที่มีราคาแพง หากกรองตันหรือเสื่อมคุณภาพ จะทำ ให้ทางเดินแก๊สไม่สะดวกจึงส่งผลให้ รถเร่งไม่ขึ้น รอรอบ มีอาการสะดุด และเดินเบาไม่นิ่ง บางคนมองว่าไม่จำเป็น  แต่จากการที่เคยพิสูจน์ การเปลี่ยนกรองแก๊สนั้น จะจับค่าหน้าคอมได้ว่าแรงดันหม้อต้มขึ้นถึง 0.4 บาร์การที่  แรงดันลดลงส่งให้ประสิทธิภาพในการทำงานของหม้อต้มลดลง เพราะตอนที่จูนแก๊สจะใช้ค่าแรงดัน ตอน นั้นเป็นตัวจูน นั้นคือ สาเหตุที่ทำไมถึงกินแก๊สมากกว่าตอนติดแก๊สมาใหม่  หรือรถวิ่งไม่ค่อยออกอายุการใช้งาน อยู่ที่ 20000 กิโลเมตร

รูปไฟเครื่องยนต์โชว์

รถติดแก๊สที่มีรูปไฟเครื่องยนต์โชว์นั้น เกิดได้หลายกรณี แต่กรณีที่พบบ่อยที่สุดคืออัตราส่วนผสม เชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ จึงทำให้ ออกซิเจนเซ็นเซอร์ อ่านค่าส่วนผลมว่า หนา หรือบางวิธีจะทำให้ไฟโชว์หายต้อง จูนให้สมบูรณ์ และใช้อุปกรณ์เพื่อลบโต๊ต แต่ถ้ารถมีอาการเสียจริง เครื่องตัวนี้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเสียมาจาก อะไร แล้วค่อยลงมือซ่อมแซมเครื่องตัวนี้ สามารถอ่านค่าได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นองศาจุดระเบิด การเสียของ เซ็นเซอร์ต่างๆ

เครื่องเช็คข้อบกพร่องเครื่องยนต์