พบกับ Nissan Juke ติดตั้งแก๊ส ที่ หงษ์ทอง ออโต้แก๊ส จำกัด
มาแล้ว Nissan Juke ตอนนี้รถมาส่งที่ร้านแล้ว และทันทีที่ Juke ถูกนำมาส่งที่ หงษ์ทอง ออโตแก๊ส ทีมงานหงษ์ฯ ก็นำสมาชิกใหม่ออก ทดสอบสมรรถนะกันเดี๋ยวนั้นเลย เพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นนำมาแชร์ให้กับผู้ที่สนใจก่อน เพราะหลังจากนี้ยังยังมีคิวที่จะต้อง ทำอะไรกับรถรุ่นนี้อีกหลายอย่าง ถึงตอนนั้นจะทราบข้อมูลรอบด้านโดยละเอียดอีกที
ลัดเลาะรอบคัน ยังรู้สึก ‘จี๊ด’ กับ Juke เหมือนเดิม
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น Juke วิ่งบนท้องถนนเมืองไทยในฐานะของรถนำเข้า จนถึงตอนนี้ที่ได้สัมผัสตัวเป็นๆ ในฐานะรถที่ขึ้นโชว์รูมอย่างเป็นทางการ เรื่องของดีไซน์และรูปทรง Juke ยังเป็นรถที่น่ามองอยู่เหมือนเดิม ยังเป็น Sport Crossover ที่มีรูปทรงที่โดดเด่น คุณภาพและงานประกอบถือว่าสมราคา
ภายใต้สัดส่วนความยาว 4,135 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,765 มิลลิเมตร และความสูง 1,580 มิลลิเมตร ต้องบอกว่า Juke ได้รับการออกแบบมาได้อย่างสมส่วน และดูคล่องตัว เป็นรถที่ (น่าจะ) ตอบสนองการใช้งานได้ดีทั้งในและนอกเมือง ดูจากความสูงของตัวรถซึ่งมีความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 180 มิลลิเมตร หากจะต้องขับผ่านเส้นทางวิบากเล็กๆ ก็ไม่น่า จะต้องกังวลอะไร สำหรับระยะฐานล้อมีความกว้างอยู่ที่ 1,525 มิลลิเมตร ส่วนความยาวฐานล้ออยู่ที่ 2,520 มิลลิเมตร
ถ้าไปยืนมองหน้า Juke ตรงๆ แบบจ้องกันตาต่อตา อาจจะรู้สึกว่าไฟหน้าของ Juke ทำไมเยอะจัง และอาจจะดูแปลกๆ นิดหน่อย เพราะวางอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง แต่ถ้ามองในมุมที่ไม่เฉพาะเจาะจง การออกไฟหน้าแบบนี้ก็ดูเป็นจุดเด่นอยู่เหมือนกัน ด้านข้างเป็นอีกมุมที่ Juke ดูแล้วสวย แนวหลังคาลาดเอียงดูสปอร์ตดี ซุ้มล้อตีโป่งอวบๆ รับกับล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้วที่มาคู่กับยาง 215 / 55R17 แต่ถ้าจะให้ดี และเชื่อว่าคนใช้ Juke หลายคนคงเปลี่ยนล้อและยางให้เต็มซุ้มกว่านี้แน่ๆ
ภายในสวย นั่งสบาย ทัศนวิสัยดี
ส่วนตัวผมกับคันสีแดงคันที่ทางร้านสั่งมาดูแล้วไม่ค่อยถูกใจเท่าไร รู้สึกว่าเหมาะกับผู้ชายสไตล์บูติกหรือคุณผู้หญิงมากกว่า ถ้าเป็นสีบรอนซ์หรือสีดำล่ะก็ น่าจะรู้สึกประทับใจกว่านี้ แต่ถ้าว่ากันโดยรวมแล้วเรื่องของการออกแบบหรือความสวย ภายในห้องโดยสารก็ยังคงทำได้ดีและน่าสนใจ ดีไซน์ก็เป็นไปตามสไตล์ของรถที่น่าจะถูกใจวัยรุ่น ดูทันสมัยและสปอร์ตๆ
ในตำแหน่งของผู้โดยสารด้านหน้าหรือในตำแหน่งของคนขับถือว่านั่งได้สบาย ทัศนวิสัยถือว่าดีไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านข้าง และขนาดของเสา A-Pillar ไม่ใหญ่เกินไปจนเป็นมุมอับ ตำแหน่งที่เท้าแขนตรงแผงประตูและคอนโซลกลางอยู่ในระดับที่กำลังดี โดยส่วนตัวผมค่อนข้างพอใจกับตำแหน่งของที่เท้าแขนและคอนโซลกลาง เพราะเมื่อวางแขนแล้วรู้สึกสบาย ไม่ต้องเอียงไหล่หรือยกไหล่ให้เสียลักษณะของท่านั่ง และสามารถขยับแขนควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สวิทช์สั่งล็อก-ปลดล็อกประตู หรือกระจกไฟฟ้า
ตำแหน่งของเกียร์ก็อยู่ในระดับที่พอดีไม่ต้องเอื้อมหรือไม่ได้อยู่ในลักษณะที่ควบคุมได้ไม่ถนัด เรื่องทัศนวิสัยและตำแหน่งของการควบคุมอุปกรณ์ต่าง ผมถือว่าออกแบบมาได้ดีทีเดียว ตลอดจนเบาะนั่ง นอกจากสวยแล้ว ก็ยังนั่งสบายด้วย
ที่นั่งด้านหลังขึ้น-ลงลำบาก และแคบไปหน่อย
สิ่งที่ดูจะไม่ค่อยน่าประทับใจ และผิดคาดจากตอนแรกก่อนที่จะมีโอกาสได้สัมผัสตัวเป็นๆ ก็คือ พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่รู้สึกว่าจะแคบไปสักหน่อย (หรืออาจไม่หน่อยสำหรับบางคน) จากตอนแรกที่คิดว่า Juke เป็นรถรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจ และอาจจะเป็นรถเป้าหมายหากว่าคิดจะเปลี่ยนรถใหม่ เนื่องจากขนาดไม่ใหญ่เกินไป เพราะไม่ได้ต้องการรถที่มีขนาดใหญ่ถึง 7 ที่นั่ง แต่ก็อยากได้รถที่สูงกว่ารถเก๋ง เพราะเหมาะกับถนนในกรุงเทพฯ มาก โดยเฉพาะในหน้าฝน แต่เมื่อได้ลองนั่งแล้ว ชักไม่แน่ใจว่า Juke จะตอบโจทย์เรื่องพื้นที่ใช้สอยได้ดี เพราะในบางโอกาสหากจะต้องมีผู้โดยสารนั่งกันไปในรถสัก 3-5 คน คงจะนั่งกันไม่สบายเท่าไร
พื้นที่ด้านหลังตรงระยะของที่วางขาค่อนข้างแคบ หากผู้โดยสาตอนหน้าเป็นคนตัวใหญ่และต้องเลื่อนเบาะไปทางด้านหลังมากๆ ผู้โดยสารด้านหลังอาจจะนั่งไม่สบายหรือถึงขัดอึดอัดได้เลย และการขึ้น-ลงก็ค่อนข้างลำบาก ประตูหลังค่อนข้างแคบ ถ้าเป็นคนตัวสูงหรือเป็นคนสูงอายุอาจจะก้าวขึ้น-ลงลำบาก เพราะนอกจากประตูค่อนข้างแคบแล้วรถก็ยังสูงอีกด้วย
พื้นที่ด้านท้ายวางสัมภาระได้พอประมาณ และหากต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถพับเบาะด้านหลังได้ โดยพับได้แบบ 60 : 40 หากถอดหมอนรองออก เมื่อพับเบาะ พื้นที่เกือบจะราบเสมอกันกับพื้นที่วางสัมภาระด้านท้ายเลย ภายใต้พื้นที่วางสัมภาระด้านท้ายเมื่อเปิดออกจะเป็นถาดวางของและเครื่องมือประจำรถเก็บอยู่ในส่วนนี้ และเมื่อยกถาดเก็บของขึ้นก็จะพบกับยางอะไหล่
Juke ไม่ค่อย ‘จี๊ด’ เร่งไม่ค่อยทันอกทันใจ
เมื่อสำรวจรถเสร็จก็นำ Juke ออกถนนทดสอบสมรรถนะกันเสียหน่อย ตอนแรกคิดว่าจะทดลองขับใกล้ๆ ละแวกร้านหงษ์ทอง แต่เปลี่ยนใจกันว่าไหนๆ ก็เอาออกไปทดลองขับแล้วก็ลองจับอัตราสิ้นเปลืองดูสักหน่อย
การออกไปทดลองขับในครั้งแรก สัมผัสแรกหรือ First Impression กับ Juke พวกเราไปกัน 4 คน มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี โดยตั้งใจว่าจะวิ่งให้ได้ระยะทางสัก 150-200 กิโลเมตร เพื่อจับอัตราสิ้นเปลืองนอกเมือง แต่ดูเหมือนสภาพเส้นทางและการจราจรจะไม่อำนวยให้จับอัตราสิ้นเปลืองได้เต็มที่สักเท่าไร เพราะรถค่อนข้างเยอะตลอดทาง ทำให้ใช้ความเร็วได้ไม่เต็มที่ ความเร็วตลอดการเดินทางอยู่ที่ประมาณ 80-100 กิโลเมตรแค่นั้น หลายๆ ช่วงใช้ความเร็วได้เพียง 60-80 กิโลเมตรเสียด้วยซ้ำ มีเพียงช่วงสั้นๆ เป็นบางระยะเท่านั้นที่พอจะทำความเร็วได้สัก 100-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง และยังไม่มีโอกาสได้ทดลองความเร็วสูงสุดเลย ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ช่วงสั้นๆ ช่วงหนึ่งในการทดลองขับครั้งนี้คือ 135 กิโลเมตร/ชั่วโมงแค่นั้น
พื้นที่ด้านท้ายวางสัมภาระได้พอประมาณ และหากต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถพับเบาะด้านหลังได้ โดยพับได้แบบ 60 : 40 หากถอดหมอนรองออก เมื่อพับเบาะ พื้นที่เกือบจะราบเสมอกันกับพื้นที่วางสัมภาระด้านท้ายเลย ภายใต้พื้นที่วางสัมภาระด้านท้ายเมื่อเปิดออกจะเป็นถาดวางของและเครื่องมือประจำรถเก็บอยู่ในส่วนนี้ และเมื่อยกถาดเก็บของขึ้นก็จะพบกับยางอะไหล่
ช่วงล่างกลางๆ ระหว่างความสบายและการยึดเกาะ แต่ถือว่าดี
การตอบสนองของช่วงล่างในเรื่องของความสบายถือว่านั่งสบายไม่กระด้างหรือกระเด้งให้รู้สึกวิงเวียนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และในส่วนของการยึดเกาะก็ถือว่าทำได้ดี ค่อนข้างที่จะมั่นใจได้ แต่อย่างที่บอกว่าไม่มีโอกาสได้ใช้ความเร็วสักเท่าไร มีใช้ความเร็วบ้างช่วงสั้นๆ อาจจะยังไม่ได้เห็นอาการของ Juke ชัดเจนนัก แต่ถ้าจะให้ประเมินจากการทดลองขับในครั้งแรก ในส่วนของช่วงล่างถือว่าน่าพอใจ
อัตราสิ้นเปลืองหลังการทดลองขับอย่างไม่เป็นทางการ
การทดลองขับในครั้งนี้เราวิ่งไปทั้งสิ้น 164.3 กิโลเมตร เติมนำ้มัน (แก๊สโซฮอลล์ 95) กลับเต็มถังไปจำนวน 13.448 ลิตร เป็นเงิน 550 บาท (ลิตรละ 40.93 บาท) ในทริปนี้จึงได้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12.217 กิโลเมตร/ลิตร หรือ 3.347 บาท/กิโลเมตร ครั้งหน้าหลังจากทดสอบด้วยระยะทางและความเร็วที่เต็มที่กว่านี้จะนำผลอัตราสิ้นเปลืองมาแจ้งกันอีกครั้ง
รถใหม่ ติดแก๊ส ทดลองขับ ทดสอบอัตราสิ้นเปลือง พร้อม VDO การติดแก๊ส ปี 2014