Ford FOCUS ใหม่ 2.0 GDI ทดสอบสมรรถนะ ติดแก๊สLPG ระบบใหม่ที่่เหนือกว่า ประหยัดกว่า
ที่ หงษ์ทอง ออโต้แก๊ส
รู้จักกับระบบหัวฉีด GDi
ถ้าพูดกันถึงระบบการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่าเครื่องยนต์จะติดได้หรือมีกำลังออกมาให้ใช้งานขับเคลื่อนตัวรถได้ ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่ 4 อย่างคือ
- 1.น้ำมันเบนซิน (Fuel)
- 2.อากาศ (Air Intake)
- 3.ไฟ (Spark)
- 4.จังหวะเวลา (Timing)
องค์ประกอบทั้ง 4 อย่างต้องพอเหมาะพอควร ได้จังหวะ ไม่มากไม่น้อยไม่ช้าไม่เร็ว เครื่องยนต์ยุคแรกเป็นเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์ โดยตัวคาร์บูฯจะเป็นตัวจ่ายน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้ เมื่อเครื่องหมุนเกิดแรงดูดในห้องเผาไหม้ น้ำมันที่รออยู่ในห้องน้ำมัน (ห้องลูกลอย) จะถูกดูดเข้าไปพร้อมๆ กับอากาศ อากาศและน้ำมันจะไปผสมกันที่ ท่อร่วมไอดี (Indirect Injection) จากนั้นก็เริ่มพัฒนามาเป็น หัวฉีดแบบ Port injection ซึ่งเครื่องยนต์เบนซินส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้กันอยู่โดยระบบ นี้จะจัดวางหัวแยกไปในแต่ละสูบโดยอยู่ตรงท่อไอดี ก่อนเข้าห้องเผาไหม้
ซึ่งระบบนี้จะทำให้ส่วนผสมของน้ำมันและอากาศคงที่มากกว่า ระบบเก่า แต่ระบบนี้ก็ยังไม่สามารถเพิ่มขีดความสามารถด้านความประหยัดน้ำมัน และการปล่อยคาร์บอน หรือมลพิษที่น้อยลง ดังนั้น จึงมีการพัฒนาระบบหัวฉีดแบบใหม่ที่เรียกว่า ระบบฉีดตรง หรือ Gasoline Direct Injection : GDI ขึ้นมา ซึ่งระบบนี้จะฉีดน้ำมันตรงเข้าห้องเผาไหม้หรือ Direct Injection การทำงานจะคล้ายเครื่องดีเซล คือ หัวฉีดจะฉีดน้ำมันตรงสู่ห้องเผาไหม้เลย ซึ่งระบบนี้จะมีความเสถียรมาก เพราะสามารถควบคุมส่วนผสมของน้ำมันและอากาศได้คงที่มากกว่า ส่ง ผลดีในเรื่องการประหยัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากระบบหัวฉีดปัจจุบันประมาณ 10-15% รวมไปถึงการลดมลพิษที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะมีการเผาไหม้ที่ดีกว่าระบบเดิม สามารถจุดระเบิดด้วยเชื้อเพลิงที่ต่ำมากกว่า (Lean Burn) แต่ก็มีข้อเสียอย่างมากคือ เครื่อง GDI ติดตั้งแก๊สได้ยากมากเช่นเดียวกัน ส่วนข้อดีของการใช้ LPG แทนน้ำมัน ในเครื่อง DI คือ LPG จะมีแรงดันที่สูงกว่าน้ำมันเบนซิน รวมถึงยังมีค่าออคเทนที่สูงกว่าน้ำมันเบนซินอีกด้วย (ค่าออกเทนเบนซิน 95-97 / ค่าออกเทน LPG 103-105) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดแรงบิดที่สูงกว่านั่นเอง และโอกาสในการ Misfire ยังน้อยลงด้วย ซึ่งในต่างประเทศมีการพิสูจน์แล้วว่า LPG มีคุณสมบัติเหมาะกับเครื่องยนต์ DI แต่ต้องเป็นการฉีดแบบตรงเหมือนกับน้ำมันเบนซิน ไม่ใช่การฉีดหลังวาล์วเข้าท่อไอดี เพราะจะทำให้คุณสมบัติที่ดีของ LPG ลดลง
ติดแก๊ส FORD FOCUS
หงษ์ทอง ออโต้แก๊ส สำหรับการติดตั้งและทดสอบระบบแก๊ส ใน Ford New Focus เครื่องยนต์เบนซิน Duratec 2.0L Ti-VCT GDi (Gasoline Direct Injection) ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ของระบบหัวฉีดในเครื่องยนต์เบนซิน และยังถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ติดแก๊สได้ยากที่สุด
ในตลาดรถยนต์เมืองไทยในขณะนี้ก็ว่าได้ เหตุผลที่ใช้ ต้องระยะเวลานานถึงครึ่งปี เพราะทางหงษ์ทองฯ ต้องการทดสอบทั้งสมรรถนะ ความแรง ความประหยัด และอุปกรณ์ชุด นี้ว่าสามารถติดตั้งได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ เพราะเราต้องการความมั่นใจในตัวอุปกรณ์ ก่อนนำไปติดตั้งให้กับลูกค้านั่นเองด้วยความที่ FORD FOCUS รุ่นนี้เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก อีกทั้งด้วยระบบฉีดเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเครื่องโดยตรง ทำให้ต้องปฏิวัติรูปแบบการติดแก๊สให้กับรถรุ่นนี้ แตกต่างจากรถที่มีอยู่ในบ้านเราไปโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าการติดตั้งแก๊ส ให้กับ FORD FOCUS ใหม่ จะเป็นเรื่องยาก แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ซึ่งปัจจุบัน ถ้าจะติด LPG กับรถที่เป็นระบบ DI มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบแรกจะใช้วิธีคล้ายๆที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน คือฉีดแก๊สเข้าไปที่ท่อร่วมไอดี แต่จะเพิ่มตรงที่จะมีการต่อวงจรให้หัวฉีดน้ำมัน ทำงานด้วย (ฉีดน้ำมันประมาณ 20% เพื่อเลี้ยงระบบไม่ให้หัวฉีดพัง) เนื่องจากเครื่อง DI หัวฉีดน้ำมันจะอยู่ในห้องเผาไหม้อยู่แล้ว ส่วนอีกแบบคือจ่าย LPG ผ่านหัวฉีดน้ำมันเดิมเลย โดยใช้ร่วมกันทั้งน้ำมันทั้ง LPG ระบบนี้อุปกรณ์แทบเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงจากระบบแรก น้ำมันและ LPG จะส่งไปที่Fuel Supply Unit แล้ว Fuel Supply Unit ก็ทำหน้าที่เลือกว่าจะใช้น้ำมันหรือ LPG จากนั้นเชื้อเพลิงที่ถูกเลือกก็จะส่งไปที่ High Pressure Fuel Pump เพื่อส่งต่อไปยังหัวฉีดอีกที และตั้งแต่ FORD FOCUS GDi ออกสู่ตลาดเมืองไทย เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ทางหงษ์ทองแก๊ส ก็ได้เฟ้นหาระบบแก๊สที่เหมาะสมกับเครื่อง GDi มาโดยตลอด ทดลงมาแล้วทั้ง 2 แบบ จนมาพบกับระบบ Direct LiquiMax : DLM ของ Prins ซึ่งถือสุดยอดระบบแก๊สรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป โดยเฉพาะกับเครื่องแบบ DI เพราะเป็นระบบหัวฉีด ที่ฉีดเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เหมือนกับ น้ำมันเบนซินทุกประการ ซึ่งจะแตกจากระบบอื่นๆที่มีอยู่ในท้องตลาดในปัจจุบัน ที่จะเป็นการฉีดเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ผ่านท่อร่วมไอดีทั้ง LPG และน้ำมัน ในสัดส่วน LPG 80% และน้ำมันอีก 20% (ระบบนี้จะทำให้หัวฉีดน้ำมันเกิดการสึกหรอเร็ว) สำหรับระบบ Direct LiquiMax : DLM ของ Prins จะทำงานเหมือนกับระบบเดิมของเครื่องยนต์ เพียงแต่เปลี่ยนเชื้อเพลิง จากเบนซิน เป็น LPG เท่านั้น เรียกว่าเป็นการรบกวนระบบเดิมน้อยที่สุดในขณะนี้ เพราะฉะนั้นการสึกหรอของระบบเครื่องยนต์ และสมรรถนะในการขับขี่ แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากการใช้น้ำมันเบนซิน เรียกได้ว่าความแรงไม่ได้ลดลง แต่ความประหยัดมากขึ้นเยอะ
จุดเด่นของระบบ Direct LiquiMax : DLM ของ Prins นอกจากจะได้สมรรถนะการขับขี่ที่ไม่แตกต่างจากน้ำมันเบนซินแล้ว สิ่งที่เหนือกว่าระบบแก๊สทั่วไป คือ ความประหยัดในเรื่องการบำรุงรักษา เพราะไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์อีกเลยหลังจากติดตั้ง จะมีก็เพียงแต่การตรวจเช็คตามระยะ 4 ครั้ง 25,000 กม., 100,000 กม., 175,000 กม. และ 250,000 กม. เท่านั้น
รถใหม่ ติดแก๊ส ทดลองขับ ทดสอบอัตราสิ้นเปลือง พร้อม VDO การติดแก๊ส ปี 2014